สปสช.

สปสช.จับมือ “คลินิกกายภาพบำบัด” ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพ

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กล่าวว่า การทำกายภาพบำบัด เป็นบริการทางการแพทย์ในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ป่วย

โดย สปสช.ได้ให้ความสำคัญ เพื่อให้ลดอาการปวด และฟื้นฟูร่างกายสู่ภาวะปกติ ให้สามารถดำเนินกิจวัตรในชีวิตประจำวันได้ รวมทั้งป้องกันความพิการ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) 2.ผู้ป่วยสมองได้รับบาดเจ็บ (Traumatic brain injury) 3.ผู้ป่วยไขสันหลังได้รับบาดเจ็บที่ได้รับการรักษาจนเข้าสู่ภาวะคงที่ และ 4.ผู้ป่วยภาวะกระดูกสะโพกหักจากภยันตรายชนิดไม่รุนแรง (Fragility fracture hip ) ที่ต้องได้รับการฟื้นสมรรถภาพผู้ป่วยระยะกลาง (Intermediate care : IMC) ที่เป็นช่วงเวลาสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพ

ทั้งนี้ ด้วยผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับบริการหลายครั้งและต่อเนื่อง แต่เนื่องด้วยจำนวนผู้ป่วยรอรับบริการมีจำนวนมาก ทำให้เกิดความแออัดในโรงพยาบาล รวมถึงความสะดวกในการเดินทางไปรับบริการ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อผู้ป่วยในการเข้ารับบริการ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิผลในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ของผู้ป่วยได้

“สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงได้เพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกในการเข้ารับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ให้กับผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ทั้ง 4 กลุ่มโรคนี้ โดยได้ชวน “คลินิกกายภาพบำบัด” ที่มีมาตรฐานการบริการ เข้าร่วมให้บริการผู้ป่วยในระบบบัตรทองในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย โดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้เห็นชอบให้ “คลินิกกายภาพบำบัด” ร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยเริ่มต้นมีคลินิกกายภาพบำบัดร่วมนำร่อง 24 แห่ง” นพ.จเด็จ กล่าว

สปสช.

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า จากผลการดำเนินงาน ปัจจุบันมีคลินิกกายภาพบำบัดทั่วประเทศเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทองกับ สปสช. แล้ว 58 แห่ง

ช่วยให้ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคได้เข้าถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือน หลังจากอาการของผู้ป่วยพ้นระยะวิกฤต หรือแพทย์ประเมินให้พ้นการเป็นผู้ป่วยใน ที่เป็นช่วงเวลาทองของการบำบัดรักษา (golden period) เนื่องจากเป็นระยะสมองและระบบประสาทต่างๆ ของร่างกายมีความพร้อมที่จะรับการฟื้นฟูสภาพ หากได้รับการบำบัดที่ถูกต้องและต่อเนื่อง ก็จะมีโอกาสทำให้ผู้ป่วยกลับสู่ภาวะปกติ และสามารถลดความพิการได้

“สำหรับรูปแบบของการให้บริการจะเป็นการเชื่อมต่อบริการกายภาพบำบัดโดยมีโรงพยาบาลทำหน้าที่เป็นแม่ข่ายให้กับคลินิกกายภาพบำบัด และทำการประสานส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการพ้นระยะวิกฤตหรือที่แพทย์ประเมินจำหน่ายจากผู้ป่วยใน ให้มารับทำการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายต่อเนื่องที่คลินิกกายภาพบำบัด โดยมีหลักเกณฑ์การบริกาiกายภาพบำบัดแบบเข้มข้นร่วมกับหน่วยบริการไม่เกิน 20 ครั้ง ในช่วง golden period” นพ.จเด็จ กล่าว

ทั้งนี้ นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า การจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ในรูปแบบเครือข่ายบริการที่โรงพยาบาลร่วมกับคลินิกกายภาพบำบัดนั้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งกับโรงพยาบาลเองที่ช่วยลดภาระงานบริการและความแออัดของโรงพยาบาล

ผู้ป่วยที่เข้าถึงบริการฟื้นฟูสมรรถภาพสมรรถภาพที่มีมาตรฐานและมีความสะดวกเพิ่มขึ้น โดยวันนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงขอเชิญชวนคลินิกกายภาพบำบัดทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 800 แห่งทั่วประเทศ (ข้อมูลจากสภากายภาพบำบัด) ร่วมเป็นหน่วยบริการกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมขอให้โรงพยาบาลในระบบ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประสานกับคลินิกกายภาพบำบัดในพื้นที่มาเป็นเครือข่ายบริการของโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการบริการกายภาพบำบัดให้กับโรงพยาบาลได้

“ประชาชนอาจยังไม่ทราบว่าการทำกายภาพบัดบัดในผู้ป่วยบัตรทองใน 4 กลุ่มโรค วันนี้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการเข้ารับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ แล้ว นอกจากการรับบริการที่โรงพยาบาลแล้ว ยังสามารถขอรับบริการที่คลินิกกายภาพบำบัดที่เป็นเครือข่ายของโรงพยาบาลได้ ซึ่งที่นี่ไม่เพียงแต่จะได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ตามมาตรฐานเช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลแล้ว ยังมีความสะดวก ไม่แออัด และไม่ต้องรอคิวนาน” นพ.จเด็จ กล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ schmadeke-inc.com

แทงบอล

Releated